ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ต ระบบไฟอัจฉริยะได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับบ้านธรรมดาให้กลายเป็น Smart Home ซึ่งจะเต็มไปด้วยความสะดวกสบายและทันสมัย ในบทความนี้ Leetech จะพาคุณไปทำความรู้จักกับนวัตกรรม Smart Lighting ตั้งแต่หลักการทำงาน ประโยชน์ไปจนถึงขั้นตอนการติดตั้งอย่างถูกต้องและปลอดภัย เพื่อให้บ้านของคุณล้ำสมัยและน่าอยู่ยิ่งกว่าเดิม
ระบบไฟอัจฉริยะหรือ Smart Lighting คือระบบแสงสว่างที่มากกว่าแค่การเปิด-ปิดไฟด้วยสวิตช์ทั่วไป แต่เป็นระบบที่ใช้หลอดไฟอัจฉริยะ (Smart Bulb), สวิตช์อัจฉริยะ (Smart Switch) และอุปกรณ์เชื่อมต่ออื่น ๆ ที่สามารถสื่อสารและควบคุมผ่านเครือข่าย Wi-Fi หรือ Bluetooth ได้ โดยผู้ใช้สามารถควบคุมการทำงานของไฟได้อย่างละเอียด เช่น การหรี่แสง ปรับอุณหภูมิสี ตั้งเวลาหรือแม้แต่สั่งการด้วยเสียงจากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ทำให้การใช้งานแสงสว่างในบ้านมีความยืดหยุ่น ประหยัดพลังงานและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัลได้
Smart Lighting ทำงานโดยอาศัยการเชื่อมต่ออุปกรณ์แสงสว่างต่าง ๆ เข้ากับ Hub หรือตัวกลางในการสื่อสาร และเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่าย Wi-Fi ในบ้าน ทำให้สามารถรับคำสั่งและส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งหลักการสั่งการหลัก ๆ มีดังนี้

ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเฉพาะของแบรนด์ Smart Lighting นั้น ๆ ลงในสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต เพื่อใช้เป็นศูนย์ควบคุม (Control Center) ในการสั่งการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด การหรี่แสงไฟเปลี่ยนสีไฟหรือการตั้งค่าฉากแสง (Scene) ต่าง ๆ ได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต
ระบบไฟอัจฉริยะสามารถเชื่อมต่อกับผู้ช่วยเสมือนอัจฉริยะ (Voice Assistants) เช่น Google Assistant หรือ Amazon Alexa ทำให้คุณสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างง่ายดาย เพียงพูดว่า “Google เปิดไฟห้องนั่งเล่น” หรือ “Alexa หรี่ไฟลง 50%” เป็นต้น
Automation หัวใจสำคัญของ Smart Lighting ที่ช่วยให้ไฟทำงานเองได้ตามคำสั่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น ตั้งให้ไฟเปิดอัตโนมัติเมื่อพระอาทิตย์ตก ตั้งให้ไฟปิดเมื่อตรวจจับว่าไม่มีคนอยู่ในห้องด้วยเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวหรือตั้งให้ไฟค่อย ๆ สว่างขึ้นในตอนเช้าเพื่อจำลองแสงอาทิตย์
การเปลี่ยนมาใช้ระบบไฟอัจฉริยะไม่ได้แค่ทำให้บ้านดูทันสมัย แต่ยังมอบประโยชน์หลากหลายมิติ เช่น
Smart Lighting ส่วนใหญ่ใช้หลอดไฟ LED ซึ่งประหยัดพลังงานกว่าหลอดไส้ทั่วไปอยู่แล้ว แต่ความอัจฉริยะของระบบยังช่วยให้เกิดการประหยัดเพิ่มขึ้นอีก เพราะสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด หรี่แสงตามความเหมาะสมหรือปิดไฟโดยอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งาน ช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสามารถควบคุมไฟในบ้านได้จากนอกบ้าน เช่น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมปิดไฟก่อนออกจากบ้านก็สามารถใช้แอปปิดได้ทันที หรือการตั้งค่าระบบอัตโนมัติให้ไฟเปิดต้อนรับเมื่อคุณขับรถกลับถึงบ้าน
คุณสามารถตั้งค่าให้ไฟเปิด-ปิดเองตามเวลา แม้ขณะที่คุณไม่อยู่บ้าน เพื่อจำลองว่ามีคนอยู่ เป็นการป้องกันการโจรกรรม นอกจากนี้ยังสามารถตั้งให้ไฟทางเดินเปิดอัตโนมัติเมื่อมีการเคลื่อนไหว เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการเดินในเวลากลางคืน
Smart Lighting บางรุ่นสามารถปรับได้หลายล้านสี (RGB) และปรับอุณหภูมิสี (Warm White – Cool White) ได้ การติดตั้งระบบไฟอัจฉริยะจึงจะช่วยปรับบรรยากาศของห้องให้เข้ากับกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น ตั้งค่าแสงสีขาวนวลเพื่อทำงาน แสงสีเหลืองอบอุ่นเพื่อพักผ่อนหรือแสงสีสันเพื่อจัดปาร์ตี้ เป็นต้น
การติดตั้ง Smart Lighting เบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือความเข้าใจในระบบไฟฟ้าและความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่าการติดตั้งเป็นไปอย่างถูกต้อง และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แม้จะสามารถติดตั้งระบบเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง แต่เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ติดต่อขอรับคำแนะนำและปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Leetech ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ด้านระบบไฟฟ้าและ Smart Lighting โดยเฉพาะ เข้าช่วยดูแลการติดตั้ง ตรวจสอบและตั้งค่าระบบให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคุณด้วย

ระบบไฟอัจฉริยะหรือ Smart Lighting คือการลงทุนที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานให้กับบ้านของคุณ ด้วยความสามารถในการควบคุมจากระยะไกล การสั่งการด้วยเสียงและระบบการทำงานอัตโนมัติ ทำให้บ้านของคุณล้ำสมัยอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งและวางแผนระบบไฟอัจฉริยะให้กับบ้านของคุณ Leetech พร้อมให้คำปรึกษาและบริการอย่างครบวงจร สนใจติดต่อเราได้ที่ www.leetech.co.th/ หรือโทร 02-412-5639 และ 02-412-2561
โดยทั่วไปแล้ว หาก Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ตล่ม คุณจะไม่สามารถสั่งการผ่านแอปพลิเคชันหรือสั่งการด้วยเสียงจากระยะไกลได้ แต่ส่วนใหญ่คุณยังสามารถ เปิด-ปิดไฟได้ตามปกติผ่านสวิตช์ไฟแบบเดิมที่ติดตั้งไว้ หรือใช้อุปกรณ์ควบคุมที่ทำงานผ่าน Bluetooth ได้ (หากเป็นรุ่นที่รองรับ)
Smart Lighting ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยี LED ซึ่งประหยัดไฟกว่าหลอดไฟแบบเก่าอยู่แล้ว และยังช่วยให้ประหยัดไฟกว่าแบบไฟแบบธรรมดา เนื่องจากมีฟังก์ชันการหรี่แสง การตั้งเวลาปิดอัตโนมัติและการทำงานอัตโนมัติตามเซ็นเซอร์ ซึ่งช่วยลดการเปิดไฟทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น
อายุการใช้งานของหลอดไฟอัจฉริยะค่อนข้างยาวนาน โดยส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 15,000 – 25,000 ชั่วโมงหรือมากกว่า ซึ่งยาวนานกว่าหลอดไส้หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ทั่วไปมาก อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานจริงอาจขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน การตั้งค่าความสว่างและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วย