กำลังวางแผนสร้างบ้านใหม่หรือรีโนเวทบ้านเก่ากันอยู่ใช่ไหม? หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นระบบไฟฟ้าแน่นอน แล้วเคยสงสัยไหมว่า การเดินสายไฟในบ้านนั้นมีกี่แบบ แล้วควรเลือกเดินสายไฟแบบไหนถึงจะเหมาะกับบ้านของเราที่สุด ที่สำคัญคือจะติดตั้งระบบไฟฟ้าอย่างไรให้ปลอดภัยต่อทุกคนในครอบครัวและทรัพย์สิน วันนี้ Leetech มีคำตอบมาให้คุณแล้ว! มาดูกันว่าวิธีเดินสายไฟแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร และมีเทคนิคอะไรบ้างที่จะช่วยให้บ้านของคุณสว่างไสวและปลอดภัยไร้กังวล
การเดินสายไฟในบ้าน คืออะไร
การเดินสายไฟ (Electrical Wiring) ในบ้าน คือกระบวนการติดตั้งสายไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ เพื่อนำส่งพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟไปยังจุดต่าง ๆ ทั่วทั้งอาคาร ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ การวางแผนเดินสายไฟที่ดีและถูกต้องตามหลักมาตรฐาน จะช่วยให้การจ่ายพลังงานไฟฟ้าเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพและที่สำคัญคือมีความปลอดภัยสูงสุด ป้องกันปัญหาที่อาจนำไปสู่อันตรายหรือเหตุอัคคีภัยได้
ความสำคัญของการเดินสายไฟในบ้าน
ระบบไฟฟ้าเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของบ้าน ทำให้เราสามารถใช้เครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่แสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ในบ้าน ดังนั้น การเดินสายไฟที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามเป็นระเบียบเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อ
- ความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว ไฟดูด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สินได้
- ความเสถียรของระบบไฟ ช่วยให้กระแสไฟฟ้าไหลเวียนได้อย่างสม่ำเสมอ ลดปัญหาไฟตก ไฟกระชาก ที่อาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย
- ประสิทธิภาพการใช้งาน สามารถจ่ายไฟไปยังจุดต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ รองรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างไม่มีสะดุด
- ความสะดวกในการซ่อมบำรุง ระบบที่ดีและมีระเบียบ จะช่วยให้การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาง่ายขึ้นในอนาคต
ประเภทของการเดินสายไฟในบ้าน
สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป การเดินสายไฟภายในบ้านสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสีย และความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. การเดินสายไฟแบบฝังผนัง

วิธีนี้ถือเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับบ้านสร้างใหม่หรือบ้านที่ต้องการความเรียบร้อยสวยงาม งานเดินสายไฟแบบฝังผนังเป็นการเดินสายไฟโดยซ่อนสายไว้ภายในผนังหรือฝ้าเพดาน ทำให้เรามองไม่เห็นแนวสายไฟเลย โดยช่างจะทำการติดตั้งท่อร้อยสายไฟ (Conduit) เข้าไปในช่องผนังที่เตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นผนังก่ออิฐ ผนังเบา หรือวางบนโครงฝ้าเพดานก่อนทำการปิดผิวผนังหรือฝ้า ซึ่งวิธีนี้จำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างดีควบคู่ไปกับการก่อสร้างโครงสร้างบ้าน เพื่อกำหนดตำแหน่งปลั๊ก สวิตช์และแนวท่อได้อย่างแม่นยำ
ข้อดีของการเดินสายไฟแบบฝังผนัง
- ความสวยงามเรียบร้อย ผนังและฝ้าเพดานจะดูเรียบเนียน สะอาดตา ไม่มีแนวสายไฟหรือท่อให้เห็นรกสายตา
- ประหยัดพื้นที่ใช้สอย ไม่มีกล่องพักสายไฟ หรือท่อลอยออกมาเกะกะผนัง
- ความทนทานของสายไฟ สายไฟที่อยู่ภายในท่อและผนังจะได้รับการปกป้องจากสภาพแวดล้อมภายนอก ความชื้น และการกระทบกระแทก ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
- ความปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงที่สายไฟจะชำรุดเสียหายจากภายนอก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรได้
ข้อเสียของการเดินสายไฟแบบฝังผนัง
- ความซับซ้อนในการติดตั้ง มีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องวางแผนร่วมกับงานก่อสร้าง และอาศัยความแม่นยำสูง
- ค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าวัสดุ (ท่อร้อยสายไฟคุณภาพดี) และค่าแรงช่างที่ต้องมีความชำนาญเฉพาะทาง
- ยากต่อซ่อมบำรุง หากเกิดปัญหาสายไฟชำรุด การตรวจสอบหาจุดเสียและแก้ไขอาจทำได้ยาก เพราะสายไฟอยู่ด้านใน ทำให้ต้องรื้อผนังบางส่วนออกก่อน ถึงจะซ่อมแซมได้
- เพิ่มเติมจุดติดตั้งภายหลังทำได้ยาก หากต้องการเพิ่มปลั๊กหรือสวิตช์ไฟในอนาคต จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูง
การเดินสายไฟแบบลอย

การเดินสายไฟแบบลอย เป็นการเดินสายไฟโดยยึดสายไฟติดไปกับผิวผนังหรือเพดานด้านนอก ทำให้มองเห็นแนวสายไฟได้ชัดเจน เป็นวิธีที่ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็วกว่าแบบฝังผนัง โดยจะนิยมติดตั้งอยู่ 2 ลักษณะหลัก ๆ ได้แก่
- แบบตีกิ๊บ (เข็มขัดรัดสายไฟ) เป็นการใช้กิ๊บพลาสติกหรือโลหะ ตอกยึดสายไฟ ส่วนใหญ่นิยมใช้สาย VAF ซึ่งเป็นสายแบนเป็นระยะ ๆ แนบไปกับผนัง เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด แต่ต้องอาศัยความประณีตในการจัดเรียงสายให้สวยงาม
- แบบร้อยท่อ (เดินในท่อร้อยสายไฟ) เป็นการเดินสายไฟภายในท่อ PVC หรือท่อโลหะ ที่ยึดติดกับผิวผนังหรือเพดาน วิธีนี้จะช่วยป้องกันสายไฟจากความชื้น ฝุ่นและการกระแทกได้ดีกว่าแบบตีกิ๊บ ดูเป็นระเบียบมากขึ้น สามารถเลือกทาสีท่อให้กลมกลืนกับผนังได้ แต่ต้องระวังไม่ร้อยสายไฟในท่อให้แน่นเกินไป เพราะอาจเกิดความร้อนสะสมและเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรได้
ข้อดีของการเดินสายไฟแบบลอย
- ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา การติดตั้งไม่ซับซ้อน ใช้วัสดุน้อยกว่าและทำได้รวดเร็วกว่าแบบฝังผนัง
- ง่ายต่อการซ่อมแซมและปรับปรุง หากสายไฟมีปัญหาหรือต้องการเพิ่ม/ย้ายจุดติดตั้ง สามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องรื้อผนัง
- ตรวจสอบปัญหาง่าย มองเห็นแนวสายไฟและจุดเชื่อมต่อได้ชัดเจน ทำให้ระบุตำแหน่งที่เกิดปัญหาได้ง่าย
ข้อเสียของการเดินสายไฟแบบลอย
- ความสวยงามน้อยกว่า มองเห็นแนวสายไฟหรือท่อชัดเจน อาจดูรกสายตาหากมีสายจำนวนมาก หรือติดตั้งไม่ประณีต
- สายไฟอาจเสียหายง่ายกว่า (กรณีตีกิ๊บ) สายไฟที่ไม่มีท่อหุ้มอาจเสี่ยงต่อความเสียหายจากสภาพแวดล้อมหรือการกระแทกได้มากกว่า
- สวิตช์และเต้ารับนูนออกมา อุปกรณ์ต่าง ๆ จะติดตั้งแบบลอยตัวจากผนัง อาจมีผลต่อการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนัง
เทคนิคการเลือกเดินสายไฟในบ้าน
การเลือกใช้สายไฟที่มีคุณภาพเป็นพื้นฐานสำคัญของการเดินสายไฟภายในบ้าน เพราะสายไฟที่ได้มาตรฐานจะช่วยรองรับกระแสไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นฉนวนหุ้มที่ต้องทนความร้อนและแรงดันไฟได้ หรือแกนทองแดงที่นำไฟฟ้าได้ดีและไม่เปราะหักง่าย การลงทุนเลือกสายไฟที่ได้คุณภาพตั้งแต่แรกจึงถือเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างคุ้มค่า
อุปกรณ์ไฟฟ้าของ Leetech เรามาพร้อมมาตรฐานการผลิตที่เชื่อถือได้ เพราะผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการรองรับมตารฐานจาก มอก. และมาตรฐาน ISO ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าระบบไฟฟ้าในบ้านจะปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนาน ทั้งนี้การลงทุนเลือกสายไฟที่ได้คุณภาพตั้งแต่แรกจึงถือเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างคุ้มค่า
ติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้านอย่างไรให้ปลอดภัย
ไม่ว่าจะเลือกวิธีการเดินสายไฟแบบใด ความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ จึงควรติดตั้งวิธีการติดตั้งไฟฟ้าภายในบ้านให้ได้มาตรฐาน ดังนี้
- เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ใช้สายไฟและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เท่านั้น เพื่อความทนทานและปลอดภัย
- ติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ การติดตั้งระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรให้ช่างที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์เป็นผู้ดำเนินการ
- ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด/ไฟรั่ว ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว (RCD/RCCB) ที่ตู้ควบคุมหลัก (Consumer Unit) และอาจเสริมในวงจรย่อยที่เสี่ยง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือจุดใช้งานภายนอก
- ติดตั้งระบบสายดินที่ถูกต้อง ระบบสายดินเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันอันตรายจากไฟรั่ว ต้องมีการติดตั้งหลักดินและต่อสายดินเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กำหนดตามมาตรฐาน
- แยกวงจรไฟฟ้าให้เหมาะสม แยกวงจรสำหรับส่วนต่าง ๆ ของบ้าน และแยกวงจรเฉพาะสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูง เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อไม่ให้ใช้งานเกินกำลัง และสะดวกต่อการจัดการเมื่อเกิดปัญหา
- กำหนดตำแหน่งติดตั้งที่ปลอดภัย ติดตั้งสวิตช์และเต้ารับในตำแหน่งที่สูงจากพื้นพอสมควร (แนะนำประมาณ 30 ซม. สำหรับเต้ารับทั่วไป และ 1.2 ม. สำหรับสวิตช์) และห่างจากบริเวณที่เปียกชื้น
- ติดตั้งตู้ควบคุมไฟฟ้าในที่เหมาะสม ควรอยู่ในที่เข้าถึงง่าย แห้ง ไม่เสี่ยงต่อน้ำท่วม หากเป็นบ้านหลายชั้น อาจพิจารณาแยกตู้ควบคุมแต่ละชั้น
- ไม่เดินสายไฟแออัดเกินไป โดยเฉพาะในท่อร้อยสายไฟ ควรมีพื้นที่ว่างเหลือตามมาตรฐาน เพื่อการระบายความร้อนและป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร
- ตรวจสอบระบบหลังติดตั้ง ให้ช่างทำการตรวจสอบการทำงานของระบบทั้งหมด รวมถึงการทดสอบอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ก่อนใช้งานจริง

สรุปบทความ
การเดินสายไฟในบ้านเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลทั้งต่อความสวยงาม การใช้งานและความปลอดภัย ไม่ว่าจะติดตั้งสายไฟแบบใด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึงเลย คือการติดตั้งระบบไฟฟ้าอย่างถูกต้องตามมาตรฐานความปลอดภัย ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ การติดตั้งระบบป้องกันไฟดูด ไฟรั่วและสายดิน ไปจนถึงการเลือกใช้บริการช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบ้านของคุณจะสว่างไสวและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว
สำหรับท่านที่กำลังมองหาสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐาน มอก. เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการเดินสายไฟ Leetech เราคือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสายไฟและอุปกรณ์ไฟฟ้าชั้นนำ พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ มั่นใจในคุณภาพ มั่นใจในความปลอดภัย