บทความ

ผนังบ้านแบบต่าง ๆ มีกี่ประเภท สายช่างและคนทำบ้านต้องรู้!

ผนังบ้านแบบต่าง ๆ

การสร้างหรือรีโนเวทบ้านเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจทุก ๆ รายละเอียด โดยเฉพาะ “ผนัง” ที่กำหนดบรรยากาศของบ้าน สำหรับมือใหม่อาจจะสงสัยว่า ผนังบ้านแบบต่าง ๆ มีอะไรบ้าง? วัสดุไหนเหมาะกับห้องไหน? ซึ่งการเลือกวัสดุผนังที่ผิดประเภทอาจนำไปสู่ปัญหาจุกจิกในอนาคตได้ บทความนี้ Leetech จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวัสดุผนังบ้านยอดนิยม เพื่อให้คุณเลือกได้เหมาะสมกับการใช้งานกัน

ผนังบ้านสำคัญอย่างไรต่อการแต่งบ้าน 

ผนังบ้านถือเป็นองค์ประกอบหลักที่มีอิทธิพลต่อบรรยากาศและสไตล์ของบ้านโดยตรง ไม่เพียงแต่ช่วยกำหนดโทนสีและความรู้สึกของพื้นที่ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในด้านฟังก์ชันการใช้งาน เช่น การกันความร้อน เสียงหรือความชื้น ดังนั้นการเลือกวัสดุผนังที่เหมาะสมจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างบ้านที่ทั้งสวยงามและอยู่สบายในระยะยาวนั่นเอง  

รวม 10 วัสดุผนังบ้านยอดนิยม

รวม 10 วัสดุผนังบ้าน

1. ผนังกระเบื้อง (Tiled Wall) 

กระเบื้องเป็นวัสดุยอดนิยมสำหรับห้องที่ต้องเจอกับความชื้นและความเปียกแฉะ เช่น ห้องครัวและห้องน้ำ จุดเด่นคือทำความสะอาดง่าย ทนทาน มีลวดลาย สีสันและขนาดให้เลือกหลากหลาย สามารถสร้างลูกเล่นในการปูได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปูสลับสีหรือปูแบบลายก้างปลา 

2. ผนังหิน (Stone Wall) 

ผนังหินให้ความรู้สึกหรูหรา แข็งแรงและเชื่อมโยงกับธรรมชาติได้ดี มักใช้ตกแต่งในจุดที่ต้องการสร้างความโดดเด่น (Feature Wall) เช่น ผนังหลังทีวี หรือผนังในห้องรับแขก มีให้เลือกทั้งหินธรรมชาติ เช่น หินอ่อน หินกาบ ซึ่งให้ลวดลายไม่ซ้ำกัน และหินเทียมที่มีน้ำหนักเบาและติดตั้งง่าย

3. ผนังไม้ (Wooden Wall) 

ไม้เป็นวัสดุคลาสสิกที่ช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น ผ่อนคลายและดูเป็นธรรมชาติ สามารถใช้ได้ทั้งไม้จริงที่ให้ลายไม้สวยงาม แต่ต้องดูแลรักษาเรื่องความชื้นและปลวก หรือไม้เทียม เช่น ไฟเบอร์ซีเมนต์ลายไม้ ที่ทนทานและเหมาะกับการใช้งานหลากหลาย

4. ผนังปูนเปลือย (Loft Wall) 

ผนังปูนเปลือยเป็นผนังที่โชว์พื้นผิวของปูนซีเมนต์แบบดิบ ๆ ไม่ทาสีทับ เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์ลอฟท์ (Loft) ที่ให้ความรู้สึกเท่ ดิบและดูแลง่าย สามารถทำได้ทั้งการฉาบแบบเรียบเนียนขัดมัน หรือฉาบแบบหยาบ ๆ เพื่อโชว์ Texture

5. ผนังอิฐโชว์แนว (Brick Wall) 

อีกหนึ่งสไตล์ที่ให้ความรู้สึกดิบเท่ แต่แฝงไปด้วยความคลาสสิก สามารถใช้อิฐมอญก่อโชว์แนวแบบดั้งเดิม หรือใช้วัสดุกรุผนังลายอิฐเพื่อความสะดวกในการติดตั้ง ช่วยสร้างจุดเด่นให้ห้องดูมีมิติและน่าสนใจยิ่งขึ้น

6. ผนังวอลเปเปอร์ (Wallpaper) 

เป็นวิธีเปลี่ยนผนังเก่าให้ดูใหม่ที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด มีจุดเด่นที่ลวดลายและพื้นผิว (Texture) ให้เลือกหลากหลายนับไม่ถ้วน สามารถปกปิดรอยร้าวเล็ก ๆ น้อย ๆ บนผนังได้ดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนบรรยากาศห้องบ่อย ๆ

7. ผนังยิปซัมบอร์ด (Gypsum Board) 

ผนังยิปซัมบอร์ด หรือที่หลายคนเรียกว่าผนังเบา เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการกั้นห้องภายในบ้าน เนื่องจากติดตั้งง่าย รวดเร็วและมีน้ำหนักเบา ผิวของแผ่นยิปซัมเรียบเนียน เหมาะสำหรับการทาสีหรือติดวอลเปเปอร์เพิ่มความสวยงาม อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งได้หลากหลายตามสไตล์การตกแต่งบ้าน แต่เนื่องจากยิปซัมบอร์ดเป็นวัสดุที่มีโครงสร้างด้านในไม่แข็งแรงเท่าผนังปูน หากต้องการจะติดตั้งของบนผนัง เช่น ชั้นวางของ กรอบรูปหรือทีวี จึงจำเป็นต้องใช้พุกสำหรับผนังยิปซัมโดยเฉพาะ อย่างพุกผีเสื้อ เพื่อช่วยกระจายน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแรงในการยึดเกาะ 

8. ผนังกระจก (Glass Wall) 

กระจกช่วยให้พื้นที่ในบ้านดูโปร่ง โล่ง สบายตา นอกจากนี้ยังทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาในตัวบ้านได้ ช่วยให้บ้านดูกว้างขึ้น สว่างขึ้นและช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย และยังนิยมใช้ผนังชนิดนี้มากั้น เพื่อแบ่งสัดส่วนต่าง ๆ เช่น พื้นที่ในออฟฟิศ หรือใช้เป็นผนังที่หันออกสู่สวนภายนอกได้อีกด้วย 

9. ผนังไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber Cement Wall) 

ไฟเบอร์ซีเมนต์เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน มีคุณสมบัติเด่นคือทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ทนน้ำ ทนความชื้น ปลวกไม่กินและไม่ลามไฟ สามารถทำลวดลายได้หลากหลาย เช่น ลายไม้ ลายเรียบ หรือเซาะร่อง เหมาะสำหรับใช้ทั้งภายในและภายนอก

10. ผนังตกแต่งพื้นผิวพิเศษ (Textured Wall) 

ผนังตกแต่งพื้นผิวพิเศษคือการสร้างลวดลายบนผนังด้วยเทคนิคการฉาบปูนแบบพิเศษ (Decorative Plaster) หรือการใช้สีทาที่สร้างพื้นผิว (Textured Paint) เช่น ผนังลายหินขัด หรือลายผ้า ทำให้ผนังดูมีมิติกว่าการทาสีเรียบ ๆ แบบทั่วไป 

เลือกผนังบ้านยังไงให้ตรงใจ

เลือกผนังบ้านยังไง

1. พิจารณาตามการใช้งาน 

เริ่มจากดูฟังก์ชันของห้องเป็นหลัก เช่น ห้องน้ำและห้องครัวควรใช้วัสดุที่ทนความชื้น ทำความสะอาดง่าย อย่างกระเบื้องหรือผนังกันน้ำ ส่วนห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นเหมาะกับวัสดุที่ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและช่วยซับเสียง เช่น ผนังไม้ หรือผนังยิปซัมบอร์ด เป็นต้น 

2. เลือกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่ง  

วัสดุผนังที่เลือกใช้ ควรสอดคล้องกับสไตล์การแต่งบ้านโดยรวม เช่น บ้านสไตล์มินิมอลอาจเหมาะกับผนังสีเรียบโทนอ่อน หรือผนังไม้ธรรมชาติ ส่วนสไตล์ลอฟท์ควรเลือกผนังปูนเปลือยหรืออิฐโชว์แนว เพื่อเสริมความเท่และดิบได้อย่างมีสไตล์

3. คำนึงถึงงบประมาณและการดูแลรักษา 

วัสดุแต่ละประเภทมีต้นทุนและการดูแลแตกต่างกัน เช่น หินธรรมชาติหรือไม้จริง ถึงแม้จะให้ความหรูหราและสวยงามเหนือกาลเวลา แต่ก็มีราคาสูงและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ในขณะที่วอลเปเปอร์หรือผนังยิปซัมบอร์ดก็เป็นตัวเลือกที่ติดตั้งง่าย ราคาย่อมเยาและดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ทั้งนี้ ควรเลือกให้เหมาะกับงบประมาณและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย 

สรุปบทความ 

การเลือกผนังบ้านแบบต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการใช้งาน ความทนทาน และงบประมาณ การทำความเข้าใจคุณสมบัติของวัสดุแต่ละประเภทจะช่วยให้เจ้าของบ้านและสายช่างสามารถเลือกใช้วัสดุได้ตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ได้อย่างถูกต้อง ทำให้บ้านไม่เพียงแต่สวยงามตรงตามสไตล์ที่วาดฝันไว้ แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานจริงในระยะยาว

 

และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่สายช่างและคนทำบ้านต้องรู้ คือการใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะตามมาหลังการเลือกผนัง นั่นคือการยึดติดสิ่งของต่าง ๆ บนผนังนั่นเอง เพราะผนังแต่ละแบบก็ต้องการอุปกรณ์ยึดติดที่แตกต่างกัน การเลือกใช้พุกให้ถูกประเภทจึงเป็นสิ่งจำเป็น เช่น การใช้พุกผีเสื้อ สำหรับผนังเบาอย่างยิปซัมบอร์ด หรือการใช้พุกพลาสติก สำหรับผนังแข็งอย่างผนังปูนและผนังอิฐ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าชั้นวางของ ทีวีหรือกรอบรูปของคุณจะยึดเกาะได้อย่างแข็งแรงและปลอดภัย

ทั้งนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาอุปกรณ์ยึดติดคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ผนังทุกรูปแบบ Leetech ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ช่าง ก็มีผลิตภัณฑ์พุกมาตรฐาน พร้อมให้คุณเลือกใช้ เพื่อจบงานบ้านและงานช่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ สนใจสามารถติดต่อและเลือกซื้อสินค้าได้ที่ www.leetech.co.th/ หรือโทร 02-412-5639 และ 02-412-2561 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. ผนังภายนอกบ้านใช้วัสดุอะไรดี? 

ควรเลือกวัสดุที่ทนแดด ทนฝน และทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ดี เช่น ผนังปูนฉาบทาสีภายนอก ผนังไฟเบอร์ซีเมนต์ ผนังหิน หรือผนังไม้เทียม

2. ผนังแบบไหนกันน้ำและความชื้นได้ดี? 

ผนังที่กันความชื้นได้ดีคือผนังกระเบื้อง ผนังกระจก และแผ่น PVC รองลงมาคือผนังไฟเบอร์ซีเมนต์ และผนังปูนขัดมันที่เคลือบน้ำยากันซึมอย่างเหมาะสม

3. การเลือกสีผนังมีผลต่ออารมณ์อย่างไร? 

สีมีผลต่อความรู้สึกอย่างมาก เช่น โทนสีสว่างจะทำให้ห้องดูกว้าง โปร่งและสบายตา ส่วนโทนสีเข้มจะให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นส่วนตัวหรือดูสุขุม ในขณะที่สีสดใสจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์