บทความ

สายไฟขาด ทำอย่างไรดี รวมวิธีแก้ไขปัญหาให้ใช้งานระบบไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย

สายไฟขาด

อุบัติเหตุจากไฟฟ้าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะปัญหาสายไฟขาด ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร อัคคีภัยหรืออันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นหากเราทราบขั้นตอนการรับมือที่ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะช่วยให้เราปลอดภัย ในบทความนี้ Leetech จะมาแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เพื่อให้คุณสามารถจัดการสถานการณ์ได้อย่างปลอดภัยและถูกวิธี   

5 ขั้นตอนรับมือเมื่อเจอสายไฟขาดอย่างปลอดภัย 

เมื่อคุณพบเห็นสายไฟขาด ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกบ้าน สิ่งแรกที่ต้องทำคือการตั้งสติและปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตนเองและคนรอบข้าง อย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าไปแก้ไขหรือสัมผัสสายไฟโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้ โดยสามารถปฏิบัติได้ตามขั้นตอน ดังนี้ 

ขั้นตอนรับมือเมื่อสายไฟขาด

1. ตั้งสติและกันพื้นที่โดยรอบ 

เมื่อพบเหตุการณ์สายไฟขาด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีสติ อย่าตื่นตระหนก รีบกันเด็กและสัตว์เลี้ยงออกจากบริเวณนั้นทันที และแจ้งเตือนคนรอบข้างให้รับทราบถึงอันตราย รักษาระยะห่างจากสายไฟที่ขาดอย่างน้อย 10 เมตร และห้ามสัมผัสวัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น โลหะ หรือบริเวณที่เปียกชื้นซึ่งอาจมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลอยู่  

2. รีบตัดเบรกเกอร์หลักทันที 

หากสายไฟขาดเกิดขึ้นภายในบ้าน ให้รีบไปสับคัตเอาต์หรือตัดเบรกเกอร์หลักของบ้านทันที เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจะช่วยหยุดการจ่ายไฟไปยังจุดที่เกิดปัญหาและลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟดูด เพราะฉะนั้นตำแหน่งของกล่องเบรกเกอร์หลักในบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนในบ้านควรทราบ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ก็จะทำให้สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้อย่างทันท่วงที  

3. ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้า 

หลังจากตัดเบรกเกอร์แล้ว ให้ลองสังเกตที่มิเตอร์ไฟฟ้าหน้าบ้าน หากแผ่นจานในมิเตอร์ยังคงหมุนอยู่ อาจเป็นสัญญาณว่ายังมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลจากเหตุสายไฟขาดในจุดอื่น หรืออาจมีปัญหาที่ระบบสายส่งจากการไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อันตรายและต้องแจ้งเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุด 

4. แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

ไม่ว่าเหตุสายไฟขาดจะเกิดขึ้นที่ใด ก็ควรรีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที หากเกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะให้รีบโทรแจ้งการไฟฟ้านครหลวง (MEA) ที่สายด่วน 1130 หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ที่สายด่วน 1129 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย 

5. โทรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ 

สำหรับการซ่อมแซมสายไฟขาดภายในบ้าน หลังจากตัดกระแสไฟฟ้าแล้ว ควรติดต่อช่างไฟฟ้าที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์โดยตรง ไม่ควรพยายามซ่อมแซมด้วยตนเองหากไม่มีความเชี่ยวชาญ เพราะการเชื่อมต่อสายไฟที่ไม่ถูกวิธีอาจสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวได้  

ช่างผู้เชี่ยวชาญ

สรุปบทความ 

ปัญหาสายไฟขาด เป็นเรื่องอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม เพราะฉะนั้นการรับมืออย่างมีสติและปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัย ทั้งการกันพื้นที่ ตัดไฟ ตรวจสอบและแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบโดยเร็ว คือหัวใจสำคัญในการป้องกันความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน และเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่ Leetech เราเข้าใจปัญหานี้ดีและพร้อมนำเสนอโซลูชันด้วยอุปกรณ์จัดเก็บสายไฟคุณภาพสูงครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นท่อร้อยสายไฟ ไส้ไก่พันสายไฟหรือรางครอบสายไฟ เพื่อความเป็นระเบียบสวยงาม และปกป้องสายไฟจากสิ่งมีคมและสัตว์กัดแทะ คุณจึงมั่นใจได้ว่าระบบไฟฟ้าในบ้านจะปลอดภัยจากความเสี่ยงไปอีกนาน 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 

ถ้าเจอสายไฟขาด แต่ไม่แน่ใจว่ายังมีไฟอยู่ไหม ควรทำอย่างไร? 

ห้ามเข้าใกล้หรือสัมผัสโดยเด็ดขาด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเสมอว่ายังมีกระแสไฟฟ้าอยู่ ควรรักษาระยะห่างอย่างน้อย 10 เมตร กันพื้นที่ไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ แล้วรีบโทรแจ้งการไฟฟ้าฯ ที่เบอร์ 1130 (กฟน.) หรือ 1129 (กฟภ.) ทันที 

สายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขาด สามารถใช้เทปพันสายไฟซ่อมแล้วใช้ต่อได้หรือไม่? 

ไม่แนะนำอย่างยิ่ง เพราะการใช้เทปพันสายไฟ ป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราวและไม่ปลอดภัย 100% หากมีความจำเป็นเร่งด่วนควรเลือกใช้เทปพันสายไฟที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ซี่งทางที่ดีควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเปลี่ยนสายไฟใหม่ทั้งเส้น หรือหากไม่ชำนาญควรเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้  

กรณีสายไฟฟ้าแรงสูงขาดแล้วพาดลงบนรถยนต์ที่นั่งอยู่ ควรทำอย่างไร?

สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดคือการอยู่ในรถต่อไป ห้ามลงจากรถโดยเด็ดขาด เพราะตัวรถจะทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันไฟฟ้า ให้รีบนั่งอยู่เฉย ๆ และโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินที่เบอร์ 191 หรือเบอร์ของการไฟฟ้าฯ (1130/1129) ทันที พร้อมบีบแตรและเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อส่งสัญญาณให้คนข้างนอกรับรู้และอย่าเข้าใกล้รถ รอจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาตัดกระแสไฟและยืนยันว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยลงจากรถ